เรื่องที่คิดว่าจะทำเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในตอนแรกนั้นตั้งใจจะทำเรื่องที่เกี่ยวกับประวัติของมหาวิทยาลัย แต่คิดไปคิดมา คิดว่านักศึกษาส่วนใหญ่ในมหาวิทยาลัยคงรู้กับคราวๆแล้วจึงคิดว่ามาทำเรื่องที่ไม่น่าจะมีใครรู้จักมากนักดีกว่า ซึ่งเรื่องนั้นคือ ความเป็นมาของต้นแก้วเจ้าจอมนั้นเอง
แก้วเจ้าจอมเป็นพันธุ์ไม้จากหมู่เกาะอินดีสตะวันออก ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงนำมาจากประเทศชวา (อินโดนีเซีย) ครั้งเสด็จประพาส แล้วทรงนำมาปลูกใน เขตพระราชอุทยานวังสวนสุนันทา ปัจจุบันมีเพียงต้นเดียวเท่านั้นที่เป็นต้นดั้งเดิม บริเวณด้านหลังเนินพระนาง หรือ พระบรมราชานุสรณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พระบรมราชเทวี และภายหลัง ได้กลายมาเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ลักษณะเฉพาะ
ชื่อวิทยาศาสตร์: Guaiacum officinale L.
ชื่อสามัญ: แก้วเจ้าจอม (อังกฤษ: Lignum Vitae)
ใบ:ใบประกอบคู่ จำนวน 3 คู่
ดอก: กลีบดอกสีม่วง -คราม จำนวน5-6กลีบ เกสรสีเหลือง
การดูแล: เป็นต้นไม้ที่ต้องการแสงแบบรำไร
การขยายพันธุ์: เมล็ด
ประโยชน์:ใช้ทำป้องยาสูบ ที่บดยา ที่บดกาแฟ ฯลฯ
แม้แก้วเจ้าจอมจะเป็นไม้ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่เนื่องด้วยสภาพภูมิอากาศเอเชียอาคเนย์ ไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้แก้วเจ้าจอมสามารถเจริญเติบโตได้ดีในประเทศไทย แต่แก้วเจ้าจอม ก็มีคุณลักษณะเฉพาะ นั่นคือ โตช้า แต่ก็เป็นพันธุ์ไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงามโดยธรรมชาติ ไม่มีความจำเป็นในเรื่องการตัดแต่งทรงพุ่ม เรียกว่าเป็นเป็นพันธุ์ไม้ประดับที่มีมนต์เสน่ห์ที่ทรงพุ่มสวยงามตลอดปีเลยก็ว่าได้ เนื่องจากพุ่มจะกลมอยู่เสมอ โดยไม่ต้องตัดแต่งแต่อย่างใด


ส่วนดอกนั้น จะออกเป็นช่วงๆตลอดปี แต่ช่วงฤดุหนาว ตั้งแต่ พฤศจิกายน –กุมภาพันธ์ จะออกดอกมากกว่าปกติ ดอกจะ เป็นช่อดอก กลีบดอกสีม่วง -คราม จำนวน 5-6 กลีบ เกสรสีเหลือง ดอกเท่าขนาดมะลิลา หรือเล็กกว่า ส่วนช่อนั้นจะใหญ่ตามระดับความเจริญงอกงามของลำต้น ต้นที่งามดี อาจจะช่อละประมาณ 30-50 ดอก เวลาบาน จะค่อยๆบาน และบานยาวนานจนกว่าจะบานครบทั้งดอก จึงทำให้มองเห็นว่ากลีบดอกของต้นแก้วเจ้าจอมนั้นมีหลายสี เช่น สีม่วง สีคราม สีฟ้า เป็นเพราะระยะเวลาในการบานไม่เท่ากัน ทำให้ดอกที่บานมาก่อน บานมานานกว่า เริ่มที่จะมีสีที่ซีดจาง แต่ก็ดีดูกลมกลืนไปอีกแบบ ถือว่าตรงนี้กลายเป็นเสน่ห์ของต้นแก้วเจ้าจอมก็ว่าได้